อยากก้าวหน้าต้องฝันให้ไกลใช้ Hope Theory เป็นแรงขับเคลื่อน


          มนุษย์ออฟฟิศหรือเหล่าคนทำงานต่างมีเป้าหมายในเส้นทางอาชีพที่แตกต่างกันออกไป แล้วในอีก 5 ปีข้างหน้าอยากเห็นตัวเองเป็นแบบไหน? หากคำถามนี้ไม่ใช่การสัมภาษณ์งานคงปฏิสธไม่ได้ว่าเรากำลังพูดถึงเป้าหมายชีวิต เป้าหมายการทำงานในอนาคต หากมีภาพที่วาดไว้แล้วการไปต่อบนเส้นทางที่วางไว้จะง่ายขึ้น!

          หากเป็นเรื่องเป้าหมายในการทำงาน การที่เรามองภาพไว้ว่าอยากเติบโตในหน้าที่การงานจนก้าวไปสู่การเป็นหัวหน้างาน นั่นเท่ากับว่าเรารู้ถึงความต้องการในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าคืออะไรและความต้องการนี้เปรียบเสมือน “ความหวัง” หรือที่เรียกกันว่า “Hope Theory” ที่อยากเห็นตัวเองประสบความสำเร็จ

          
ความหวัง หรือ Hope Theory จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้คนหางาน คนทำงานอย่างเราทำสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ต้องมีคู่ไปกับการมีความหวัง คือ “ต้องรู้เป้าหมายและความต้องการให้ชัด” เพื่อหาขั้นตอนที่จะไปให้ถึงซึ่งเป้าหมายที่มีแรงขับเคลื่อนเป็นความหวังนี้มีลักษณะคล้ายกับว่า เราเห็นธงอยู่ข้างหน้าแล้ว เพียงแค่เดินไปตามเส้นทางนี้อย่างถูกต้องและแน่วแน่ก็จะพิชิตธงนั้นได้ ประกอบกับการที่เรารู้คุณสมบัติของตัวเองว่าเรามีดีอะไรที่จะไปให้ถึงเส้นชัย จะช่วยให้ได้ทำตามเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

          ไม่ว่าการเซ็ตเป้าหมายชีวิตในอนาคตจะเป็นเรื่องไหน หากเราใช้ Hope Theory เป็นแรงขับเคลื่อนโอกาสประสบความสำเร็จยิ่งสูงตามเพราะคุณจะมองทุกอย่างเป็นความท้าทายที่ต้องเอาชนะ ถ้าวันนี้มองภาพตัวเองออกแล้วว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าอยากเป็นแบบไหนก็ลุยให้เต็มที่!

          ถ้าเป้าหมายอย่างหนึ่งของคุณคือการหางานใหม่ อยากสมัครงานในบริษัทที่ใช่กับตำแหน่งที่ถูกใจ สามารถฝากเรซูเม่ไว้กับ Nexmove ได้ที่ https://bit.ly/3Ing2z1 ไม่ว่าจะเป็น Sale, Marketing, IT หรือสายงานอื่นที่สนใจ ระบบ AI จะแมตช์ตำแหน่งงานให้ตรงกับประสบการณ์ทำงานของคุณจนได้งานที่ใช่ตรงกับความต้องการมากที่สุด


Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top